ใครจะอยู่ใครจะไป ! บิ๊กแมตช์ สเปอร์ส กับ แมนฯ ยูไนเต็ด


ข่าวสาร / วันเสาร์, ตุลาคม 3rd, 2020

เกมบิ๊กแมตช์คืนวันอาทิตย์ เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะได้เปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพื่อรับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส เป็นการกลับถิ่นเก่าอีกครั้งของ โชเซ่ มูรินโญ่ หลังเคยถูกทีมเก่าปลดออกจากตำแหน่งตั้งแต่ปี 2018 ก่อนที่จะได้เข้ามาคุมทีมในปัจจุบันเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยบทความนี้จะดูหัวข้อที่น่าสนใจระหว่างทั้งสองทีม

ผลเสมอ 1-1 ที่เจอกันครั้งล่าสุดในเดือนมิถุนายน น่าจะทำให้มูรินโญ่มีแผนการที่ชัดเจนในการรับมือกับทีมของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา หลังทั้งคู่มีทีเด็ดที่เกมสวนกลับเหมือนกันและแน่นอนว่าผลของเกมการแข่งขันจะส่งผลต่อตำแหน่งบิ๊กซิกซ์ในฤดูกาลนี้แน่ กับการลุ้นไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งสองทีมมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก กับระบบ 4-2-3-1 เมื่อเทียบกับฟอร์มการเล่นในเวลานี้ ก็ไม่แปลกใจเลยว่า เป็นสเปอร์สที่ดูดีกว่า เมื่อทำประตูได้มากมายหลายเกม ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาเรื่องเกมรับมาตลอด ตั้งแต่เปิดฤดูกาล โดยทีมได้เปรียบอย่างเดียว คือการเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แฮร์รี่ เคน จะสร้างปัญหาให้กับกองหลังของแมนฯ ยูไนเต็ดได้หรือไม่ ทรงบอลของสเปอร์สเริ่มเข้าที่เข้าทางเรื่อยๆ และดาวยิงวัย 27 ปี ก็ทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเกมที่ทีมหลุดเสมอกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อทีมมีโอกาสทำประตูมากมาย แต่ก็มาแพ้ดวง เมื่อต้องมาเสียจุดโทษจากแฮนด์บอลในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอ

อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด มีโอกาสที่จะเจาะในพื้นที่ของแม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ หลังนักเตะเพิ่งจะย้ายมาร่วมทีมและเรื่องการสร้างความเข้าใจกับกองหลังตัวกลางก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันไป ในขณะที่มาร์กซิยาลและแรชฟอร์ดเล่นด้วยกันอย่างลงตัว อาจจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในเกมนี้ได้

บรูโน่ แฟร์นานเดส จะทำได้เหมือนกับสิ่งที่ ฮาเมส โรดริเกซ ทำให้กับเอฟเวอร์ตัน ได้หรือไม่ หลังช่วยให้ทีมบุกไปเอาชนะสเปอร์สได้ถึงบ้านด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อดาวเตะชาวโปรตุเกสต้องคุมเกม และถ่ายบอลไปมา เพื่อสร้างทิศทางการเล่นของทีม รวมถึงการหาโอกาสในการสร้างสรรค์เกมและก็ใช้ทีเด็ดในการทำประตูเพื่อพิชิตฮูโก้ โยริส

ปอล ป็อกบา หรือ โจวานี่ โล เซลโซ่ จะสร้างความแตกต่างในเกมนี้ได้ แน่นอนกับระบบการเล่นของทั้งสองทีมที่ไม่ต่างกันมาก การคุมเกมในแดนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการไล่เพรสซิ่ง, ผ่านบอล หรือเชื่อมเกม ซึ่งเป็นหน้าที่ของมิดฟิลด์ที่ต้องอาศัยทั้งพละกำลังและเทคนิคในการเล่น ยิ่งจะเป็นตัวกำหนดการเล่นของทีมได้เลย